ยินดีต้อนรับเข้าสู่ : https://satakarn.blogspot.com/
เว็บบล็อกเพื่อการศึกษาภาษาไทย และภาษาล้านนา
จัดทำโดย ครูอิ่นคำ ศตกาญจน์ โรงเรียนบุญเรืองวิทยาคม
เว็บบล็อกเพื่อการศึกษา ภาษาไทย ภาษาล้านนา และส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม สำหรับนักเรียนและผู้สนใจทั่วไป

วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2556

เพลงเสเลเมา

เพลง เสเลเมา
 ทำนอง ดัดแปลงจากเพลงฟ้อนของชาวเงี้ยว (ไทใหญ่) เรียกว่าซอเงี้ยว




(ดนตรี มงแซะ มงแซะ แซะมง ตะลุ่มตุ้มมง)


ไก่แจ้ขันเหนอกุง นกยูงขันเหนอห้อย ก้อยข้านี้ ไผจักมา ตั๊ดบ่ม แลๆๆๆ...
อะโล โลโล ไปเมืองโกตวยปี้เงี้ยว
หนตางก๊ดเลี้ยว ข้าน้อย จักขอถาม


ไก่แจ้ขันเหนอกุง นกยูงขันเหนอห้อย ก้อยข้านี้ ไผจักมา ตั๊ดบ่ม แลๆๆๆ...
          แปล : ไก่แจ้ขันเหนือกรุง นกยูงขันเหนือห้วย (ในป่า) ตัวข้านี้ ใครจักมาเหมาะกัน ล่ะ...
          เสริม : เพลงนี้เป็นภาษาเหนือสำเนียงชาวเงี้ยวปนอยู่ด้วย โดยเฉพาะท่อนพูดเกริ่นนำท่อนแรกนี้ ค่อนข้างจะไปทางภาษาเงี้ยว ดังนั้นจะมีคำที่ออกเสียงแปลกออกไป (พูดไม่ชัด) เช่น เหนอ = เหนือ, ห้อย = ห้วย
          ก้อยข้า = ตัวข้า
          ตั๊ด = ตรง
          ตั๊ดบ่ม = ตรงกันพอดีเป๊ะ, เหมาะกัน, เหมาะเหม็ง, คู่ควรกัน

 (ดนตรี มงแซะ มงแซะ แซะมง ตะลุ่มตุ้มมง)

อะโล โลโล ไปเมืองโกตวยปี้เงี้ยว
          แปล : อะโลๆๆ ไปเมืองโกกับพี่ชาวเงี้ยว
          เสริม : อะโลๆๆ เป็นคำอุทานเชิงอวดที่นิยมของคนรุ่นเก่าแถบภาคเหนือ มีความหมายใกล้เคียงกับคำภาคกลางปัจจุบันว่า เริ่ด เด็ด โอ้โฮเฮะ
          เมืองโก เป็นเมืองหนึ่ง อยู่ในประเทศพม่า มีชาวเงี้ยว (ไทลื้อ) อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
          เงี้ยว ในท่อนเพลงไม่ได้เป็นชื่อคน แต่เป็นพวกชาวเงี้ยว คำว่า "เงี้ยว" เป็นคำที่คนไทยใช้เรียกชาวไทใหญ่ 
          ตวย = ไปกับ, ด้วย
          ปี้ = พี่

หนตางก๊ดเลี้ยว ข้าน้อย ขอเหลียวหลังถาม
          แปล : หนทางคดเลี้ยว ข้าน้อยขอเหลียวหลังถาม
          เสริม : หนทางลดเลี้ยว ซับซ้อน ไปยากลำบาก จึงขอถามทางกับผู้คนรายทางไปเรื่อยๆ
          ก๊ด = คด
          * เวลาร้องให้รวบคำว่า “ข้าน้อย” ให้อยู่ห้องเดียวกัน จะทำให้คำว่า “ก๊ดเลี้ยว” ไปสัมผัสกับคำว่า “ขอเหลียว” พอดี แล้วจึงลากเสียงอีกสองคำคือ “...หลัง...ถาม” ตามมา เฉลี่ยให้ลงคำละ 1 ห้อง จะครบท่อนพอดี โดยสามารถลากเสียงสูงคำสุดท้ายคือคำว่า “ถาม” ไปยาวๆ ได้ตามเอกลักษณ์หรือเทคนิคลูกเล่นส่วนบุคคล

หนตางเส้นนี้ เป็นถนนก่อเมิงพาน
          แปล : หนทางเส้นนี้ ก็เป็นถนนเมืองพาน
          เสริม : เมืองพาน = อำเภอพานจังหวัดเชียงราย

เฮย...ป้อเฮย ผ้าสีปูเลย ป้าดเกิ่งตุ๊มเกิ่ง
          แปล : เฮ้อ...พ่อเอ๊ย ผ้าสีม่วงคล้ำ (ที่พาดบ่ามา) พาดครึ่งห่มครึ่ง (จะหลุดแหล่มิหลุดแหล่ ทุลักทุเลน่าดู)
          เสริม : ปูเลย เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง ดอกมีสีม่วงอมดำ เนื้อในของหัวใต้ดินมีสีเหลืองคล้ายขมิ้น ภาคกลางเรียก สีไพล
          ป้าด = พาด
          เกิ่ง = ครึ่ง
          ตุ๊ม = ห่ม

(ดนตรี มงแซะ มงแซะ แซะมง ตะลุ่มตุ้มมง)

เสเลเมา บ่าเด่วเปิ๊กเซิ๊ก
          แปล : เสเลเมา ตอนนี้หมดสภาพ (ผมเผ้าฟู เนื้อตัวรุงรัง)
          เสริม : เปิ่กเซิ่ก คือ อาการผมเผ้าฟูยุ่งเหยิง เนื้อตัวรุงรัง หมดสภาพ (ตามเนื้อเพลง ใช้คำนี้ก็เพื่อให้เกิดความขบขัน บรรยายถึงสภาพของเสเลเมา ที่เดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้าและหมดสนุก แถมยังต้องเดินข้ามแม่น้ำลึกอย่างทุลักทะเล (วรรคเพลงถัดไป) อันแตกต่างจากเพลงท่อนแรก ซึ่งเสเลเมาเที่ยวไปอวดชาวบ้านเขาว่า...อะโลๆๆๆ ฉันได้เดินทางไปเมืองโกกับพี่เงี้ยวเชียวนะ)
          บ่าเด่ว = เดี๋ยวนี้, ตอนนี้

ข้ามน้ำเลิ้ก ก็บ่ได้ขอดขาถง
          แปล : ข้ามน้ำลึก ก็ไม่ได้ขมวดปมขาถุงย่าม (อาจทำให้ข้าวของในถุงย่ามหล่นหายลงน้ำได้)
          เสริม : เลิ้ก = ลึก
          ถง = ถุงย่าม
          ขอด = ขมวดปม

หนามเก็ดเก๊า มาจ้องเอาขนก่อแมวโพง
          แปล : หนามหญ้าไมยราบ คอยจ้องจะเกี่ยวขนแมวโพง
          เสริม : หนามเก็ดเก๊า = หนามหญ้าไมยราบ ตามเนื้อเพลง ต้นหนามนี้น่าจะขึ้นตามแม่น้ำที่กำลังข้าม ทำให้ข้ามยาก
          แมวโพง = แมวชนิดหนึ่ง หากินเวลากลางคืน อาจเรียกรวมไปถึงแมวป่า ไม่ชอบสุงสิงกับมนุษย์ ชอบหลบๆ ซ่อนๆ บ้างก็ว่าเป็นแมวผีพิจารณาตามเนื้อเพลงท่อนนี้แล้ว ไม่น่าจะมีการนำแมวโพงติดคณะเดินทางไปด้วย เพียงแต่เป็นการเอ่ยลอยๆ บอกว่า หนามยาวๆ แหลมๆ ของหญ้าไมยราบเหล่านี้ คอยจะเกี่ยวขนแมวป่าดีนักแล และน่ากลัวว่าจะเกี่ยวผู้คนที่กำลังข้ามแม่น้ำด้วย

ต๋าวันลง เจ้นจะแผวต๋าฝั่ง
          แปล : ตะวันลับฟ้าโน่น ชาติหนึ่งจะถึงฝั่ง
          เสริม : ต๋าวัน = ตะวัน
          แผว = ถึง
          เจ้น = ชาติหนึ่ง, ฉันนั้น (มักใช้เป็นคำประชด เช่น ถ้าจะรอของขวัญจากอ้าย เจ้นจะไคออกดอกปู๊น... = ถ้าจะรอของขวัญจากพี่ ชาติที่ตะไคร้ออกดอกโน่น)

(ดนตรี มงแซะ มงแซะ แซะมง ตะลุ่มตุ้มมง)

เสเลเมา บ่าเด่วป็อกซ๊อก
          แปล : เสเลเมา เดี๋ยวนี้จ๋อย
          เสริม : ป็อกซ้อก = จ๋อย, หงอย, เศร้าซึม, นั่งซมตัวลีบ

ไปเล่นพ้ายป๊อก ก่อเสตึงลูก ก่อตึงหลาน
          แปล : ไปเล่นไพ่ป๊อก ก็เสียทั้งลูก เสียทั้งหลาน
          เสริม : พาลูกหลานไปเล่นไพ่ด้วย แล้วก็พากันเล่นเสียทั้งครอบครัว ไม่ได้แปลว่าเสียถึงลูก เสียถึงหลาน เพราะนั่นจะตีความหมายว่าเสียเยอะเกินไป เสียเกินกว่าเนื้อร้องท่อนถัดไป (ซึ่งเนื้อร้องท่อนถัดไปจะต้องเสียเยอะกว่า)
          เส = เสีย (สำเนียงเงี้ยวพูดไทยไม่ชัด)
          ตึง = ทั้ง, ถึง, ทุก, ยังไงก็

เล่นไปแหมหน้อย ก่อเสตึงปิ่น ก่อเติงลาน
          แปล : เล่นไปอีกหน่อย ก็เสียทั้งปิ่นปักผมและต่างหู
          เสริม : แหมหน้อย = อีกหน่อย
          ลาน, ลานหู = ต่างหู (คำเรียกสมัยโบราณ)

เหนาะเจ้าปี้เหนาะ จักขี่เฮือเหาะขึ้นบนอากาศ
          แปล : น้อ...เจ้าพี่น้อ จะขี่เรือเหาะขึ้นบนอากาศ
          เสริม : ท่อนนี้เป็นคำประชด น้อ...เจ้าพี่น้อ... (ลากเสียงยาว) หมายถึงว่า สิ่งที่คู่สนทนากระทำอยู่นั้น สำเร็จได้ยาก (ในที่นี้คือ การเล่นไพ่ให้ได้กำไร) แทบอยากจะขี่เรือเหาะขึ้นบนอากาศเพื่อเยาะเย้ย ซึ่งการขี่เรือเหาะก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เทียบเคียงเสมอกัน
          *เรือเหาะในที่นี้ มิได้หมายถึงเครื่องบิน เพราะสมัยนั้นยังไม่มี แต่ในวรรณคดีของภาคเหนือ มีเรื่องราวกล่าวขานถึงเรือที่เหาะได้ เป็นพาหนะที่บินได้ชนิดหนึ่ง

(ดนตรี มงแซะ มงแซะ แซะมง ตะลุ่มตุ้มมง)

อะโล โลโล ส้มบะโอ จิน้ำพริก
          แปล : อะโลๆๆ ส้มโอจิ้มน้ำพริก

เหน็บดอกปิ๊กซิก มาแป๋งต๋าเหลิก ก่อต๋าแล
          แปล : ทัดดอกไม้ (ที่ใบหู) กระจุ๋มกระจิ๋ม มาทำตาเหลือกตาแล
          เสริม : ปิ๊กซิก เป็นคำสร้อยขยายสิ่งของที่มีลักษณะเล็กๆ น่ารักๆ
          ต๋าเหลิกต๋าแล = ชะม้ายชายตาไปมา (อาการอยากอวด)

ไปตางปู๊น เป๋นปะตู๋ก่อต้าแป
          แปล : ไปทางโน้น ก็เป็นประตูท่าแพ

งามนักแก อะโลโลโล แม่ฮ้าง แม่หม้าย
          แปล : งามนักหนา อะโลๆๆ แม่ร้าง แม่หม้าย
          เสริม : แม่ฮ้าง = ผู้หญิงที่หย่าร้างกับสามี
          แม่หม้าย = ผู้หญิงที่สามีตาย
          คำว่า “แม่ฮ้าง แม่หม้าย” ที่ต่อท้ายในท่อนเพลง เป็นคำเรียกผู้หญิงเหล่านี้ให้มาดูประตูท่าแพที่สวยงาม มิได้เป็นคำชมว่า “แม่ฮ้าง หรือแม้หม้าย” ที่อยู่บริเวณประตูท่าแพนั้นสวย

(ดนตรี มงแซะ มงแซะ แซะมง ตะลุ่มตุ้มมง)

เขี้ยวล้า สันโถ่ต้มเน้อ ปี้บ่ย้อนเมียงหมาง น้องโล..
          แปล : เมื่อยฟัน ก็เพราะว่าถั่วต้มเน้อ พี่ไม่ได้หยอกน้องให้โกรธน้า... (พูดจริง เมื่อยจริง)
          เสริม : สัน = ก็เพราะว่า
          โถ่ต้ม = ถั่วต้ม
          โล, ลอ (คำลงท้ายคำพูด) = นี่นา, นะ, น้า...
          
ยะล่ะต้มตวยสูปี้เล้า แล...
          แปล : ทำไมต้องต้มตัวพี่ตามไปด้วยเล่า แล...
          เสริม : ยะล่ะ = (คำศัพท์คนสมัยเก่า) ทำไมล่ะ, ทำไมเล่า, ทำไมต้อง, ทำไมถึงทำอย่างนั้น
          สูปี้ = ตัวพี่
          * ท่อนเกริ่นนี้ สันนิษฐานว่า อาจจะไปนั่งจีบสาว แล้วสาวเอาถั่วต้มมาให้กิน หรือไม่ก็ไปนั่งจีบสาวแม่ค้าขายถั่วต้ม (น่าจะเป็นอย่างหลังนี้มากกว่า เพราะมีสต็อคถั่วเก็บไว้ในปริมาณมาก) ซึงได้นั่งกินไปเป็นจำนวนมาก จนเมื่อยฟัน เคี้ยวต่อไปไม่ไหว จึงเอื้อนเอ่ยรำพัน (บ่น) ออกมา ทำให้เนื้อเพลงดูขำขัน สนุกสนาน

(ดนตรี มงแซะ มงแซะ แซะมง ตะลุ่มตุ้มมง)

เสเลเมา บ่าเด่วป๋านกว้าง
          แปล : เสเลเมา เดี๋ยวนี้กว้างขวาง

ไปเซาะซื้อจ๊าง ก่อได้ปู๊เอกงาขาว
          แปล : ไปหาซื้อช้าง ก็ได้ตัวผู้ตัวเอก (เด็ดที่หนึ่ง) งาขาว

เอาไปลากไม้ ตี้เจงแสน ก่อเจงดาว
          แปล : เอาไปลากไม้ที่เชียงแสน และเชียงดาว
          เสริม : สำเนียงคนเงี้ยว จะออกเสียงคำว่าเชียง เป็น เจง

เหนาะเจ้าปี้เหนาะ ผักกาดเกาะ จิน้ำพริกหนุ่ม ฮิ้วววว...
          แปล : น้อ...เจ้าพี่น้อ ผักกาดเกาะ จิ้มน้ำพริกหนุ่ม ฮิ้วววว...(จบ)
          เสริม : ผักกาดเกาะ คือ ผักกาดที่ปลูกตามเกาะของแม่น้ำ (ชาวบ้านเรียกตามแหล่งที่ปลูก ปัจจุบันไม่นิยมเรียกแบบนี้กันแล้ว) ฤดูแล้ง..เมื่อน้ำในแม่น้ำลำคลองลดลง จะพอมีที่ดินโผล่เป็นเกาะอยู่กลางน้ำเป็นแห่งๆ ชาวบ้านนิยมไปทำการเพาะปลูกพืชผักสวนครัวที่มีช่วงอายุการเก็บเกี่ยวสั้นๆ เช่น ผักกาด ดอกกะหล่ำ กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว พริก เป็นต้น เพราะเป็นดินทรายที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง

อีเมล์แนะนำติชม : a_sajjathum@yahoo.com
  
บทสรุปการแปลเพลง
 
          เพลงนี้ใช้ภาษาที่ค่อนข้างเข้าใจยาก แม้แต่คนภาคเหนือเองแท้ๆ ที่ใช้ภาษาเหนือสื่อสารกันอยู่ทุกวัน ก็ยังฟังไม่ค่อยออก ความท้าทายและความยากในการแปลเนื้อเพลงนี้ มีอยู่ 3 ชั้นด้วยกัน คือ
          ชั้นที่ 1 เป็นภาษาเหนือโบราณสมัยเก่า ซึ่งบางคำเลิกใช้ไปแล้ว หรือไม่นิยมใช้แล้ว ทำให้คนเหนือรุ่นใหม่ ฟังแล้วไม่เข้าใจ
          ชั้นที่ 2 ใช้ภาษากวีในการบรรยายเพื่อให้เกิดความสวยงามทางคีตศิลป์ จึงมีการใช้คำเลี่ยง คำเปรียบเปรย หรือคำกล่าวอ้อมๆ ไม่ได้บอกกริยาที่กระทำโดยตรง เช่น เปิ๊กเซิ๊ก ซึ่งไม่ได้บอกว่า เปียกเปิ๊กเซิ๊ก (ให้ตีความเอง), หรือ ป๊อกซ๊อก ซึ่งไม่ได้บอกว่า นั่งเหงาป๊อกซ๊อก เป็นต้น
          ชั้นที่ 3 มีภาษาเงี้ยวและคำพูดภาษาไทยไม่ชัดของชาวเงี้ยว ปะปนอยู่ ต้องอาศัยประสบการณ์ หรือชาวไทใหญ่ ช่วยฟังช่วยแปลให้

                      เพลงเสเลเมา - จรัล มโนเพ็ชร - สุนทรีย์ เวชานนท์ 



ไม่มีความคิดเห็น: