เพลง เสเลเมา
ทำนอง ดัดแปลงจากเพลงฟ้อนของชาวเงี้ยว (ไทใหญ่) เรียกว่าซอเงี้ยว
(ดนตรี มงแซะ มงแซะ แซะมง ตะลุ่มตุ้มมง)
ไก่แจ้ขันเหนอกุง นกยูงขันเหนอห้อย ก้อยข้านี้ ไผจักมา ตั๊ดบ่ม แลๆๆๆ...
อะโล โลโล ไปเมืองโกตวยปี้เงี้ยว
หนตางก๊ดเลี้ยว ข้าน้อย จักขอถาม
ไก่แจ้ขันเหนอกุง นกยูงขันเหนอห้อย ก้อยข้านี้ ไผจักมา ตั๊ดบ่ม แลๆๆๆ...
แปล : ไก่แจ้ขันเหนือกรุง นกยูงขันเหนือห้วย (ในป่า) ตัวข้านี้ ใครจักมาเหมาะกัน ล่ะ...
เสริม : เพลงนี้เป็นภาษาเหนือสำเนียงชาวเงี้ยวปนอยู่ด้วย โดยเฉพาะท่อนพูดเกริ่นนำท่อนแรกนี้ ค่อนข้างจะไปทางภาษาเงี้ยว ดังนั้นจะมีคำที่ออกเสียงแปลกออกไป (พูดไม่ชัด) เช่น เหนอ = เหนือ, ห้อย = ห้วย
ก้อยข้า = ตัวข้า
ตั๊ด = ตรง
ตั๊ดบ่ม = ตรงกันพอดีเป๊ะ, เหมาะกัน, เหมาะเหม็ง, คู่ควรกัน
(ดนตรี มงแซะ มงแซะ แซะมง ตะลุ่มตุ้มมง)
อะโล โลโล ไปเมืองโกตวยปี้เงี้ยว
แปล : อะโลๆๆ ไปเมืองโกกับพี่ชาวเงี้ยว
เสริม : อะโลๆๆ เป็นคำอุทานเชิงอวดที่นิยมของคนรุ่นเก่าแถบภาคเหนือ มีความหมายใกล้เคียงกับคำภาคกลางปัจจุบันว่า เริ่ด เด็ด โอ้โฮเฮะ
เมืองโก เป็นเมืองหนึ่ง อยู่ในประเทศพม่า มีชาวเงี้ยว (ไทลื้อ) อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
เงี้ยว ในท่อนเพลงไม่ได้เป็นชื่อคน แต่เป็นพวกชาวเงี้ยว คำว่า "เงี้ยว" เป็นคำที่คนไทยใช้เรียกชาวไทใหญ่
ตวย = ไปกับ, ด้วย
ปี้ = พี่
หนตางก๊ดเลี้ยว ข้าน้อย ขอเหลียวหลังถาม
แปล : หนทางคดเลี้ยว ข้าน้อยขอเหลียวหลังถาม
เสริม : หนทางลดเลี้ยว ซับซ้อน ไปยากลำบาก จึงขอถามทางกับผู้คนรายทางไปเรื่อยๆ
ก๊ด = คด
* เวลาร้องให้รวบคำว่า “ข้าน้อย” ให้อยู่ห้องเดียวกัน จะทำให้คำว่า “ก๊ดเลี้ยว” ไปสัมผัสกับคำว่า “ขอเหลียว” พอดี แล้วจึงลากเสียงอีกสองคำคือ “...หลัง...ถาม” ตามมา เฉลี่ยให้ลงคำละ 1 ห้อง จะครบท่อนพอดี โดยสามารถลากเสียงสูงคำสุดท้ายคือคำว่า “ถาม” ไปยาวๆ ได้ตามเอกลักษณ์หรือเทคนิคลูกเล่นส่วนบุคคล
หนตางเส้นนี้ เป็นถนนก่อเมิงพาน
แปล : หนทางเส้นนี้ ก็เป็นถนนเมืองพาน
เสริม : เมืองพาน = อำเภอพานจังหวัดเชียงราย
เฮย...ป้อเฮย ผ้าสีปูเลย ป้าดเกิ่งตุ๊มเกิ่ง
แปล : เฮ้อ...พ่อเอ๊ย ผ้าสีม่วงคล้ำ (ที่พาดบ่ามา) พาดครึ่งห่มครึ่ง (จะหลุดแหล่มิหลุดแหล่ ทุลักทุเลน่าดู)
เสริม : ปูเลย เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง ดอกมีสีม่วงอมดำ เนื้อในของหัวใต้ดินมีสีเหลืองคล้ายขมิ้น ภาคกลางเรียก สีไพล
ป้าด = พาด
เกิ่ง = ครึ่ง
ตุ๊ม = ห่ม
(ดนตรี มงแซะ มงแซะ แซะมง ตะลุ่มตุ้มมง)
เสเลเมา บ่าเด่วเปิ๊กเซิ๊ก
แปล : เสเลเมา ตอนนี้หมดสภาพ (ผมเผ้าฟู เนื้อตัวรุงรัง)
เสริม : เปิ่กเซิ่ก คือ อาการผมเผ้าฟูยุ่งเหยิง เนื้อตัวรุงรัง หมดสภาพ (ตามเนื้อเพลง ใช้คำนี้ก็เพื่อให้เกิดความขบขัน บรรยายถึงสภาพของเสเลเมา ที่เดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้าและหมดสนุก แถมยังต้องเดินข้ามแม่น้ำลึกอย่างทุลักทะเล (วรรคเพลงถัดไป) อันแตกต่างจากเพลงท่อนแรก ซึ่งเสเลเมาเที่ยวไปอวดชาวบ้านเขาว่า...อะโลๆๆๆ ฉันได้เดินทางไปเมืองโกกับพี่เงี้ยวเชียวนะ)
บ่าเด่ว = เดี๋ยวนี้, ตอนนี้
ข้ามน้ำเลิ้ก ก็บ่ได้ขอดขาถง
แปล : ข้ามน้ำลึก ก็ไม่ได้ขมวดปมขาถุงย่าม (อาจทำให้ข้าวของในถุงย่ามหล่นหายลงน้ำได้)
เสริม : เลิ้ก = ลึก
ถง = ถุงย่าม
ขอด = ขมวดปม
หนามเก็ดเก๊า มาจ้องเอาขนก่อแมวโพง
แปล : หนามหญ้าไมยราบ คอยจ้องจะเกี่ยวขนแมวโพง
เสริม : หนามเก็ดเก๊า = หนามหญ้าไมยราบ ตามเนื้อเพลง ต้นหนามนี้น่าจะขึ้นตามแม่น้ำที่กำลังข้าม ทำให้ข้ามยาก
แมวโพง = แมวชนิดหนึ่ง หากินเวลากลางคืน อาจเรียกรวมไปถึงแมวป่า ไม่ชอบสุงสิงกับมนุษย์ ชอบหลบๆ ซ่อนๆ บ้างก็ว่าเป็นแมวผีพิจารณาตามเนื้อเพลงท่อนนี้แล้ว ไม่น่าจะมีการนำแมวโพงติดคณะเดินทางไปด้วย เพียงแต่เป็นการเอ่ยลอยๆ บอกว่า หนามยาวๆ แหลมๆ ของหญ้าไมยราบเหล่านี้ คอยจะเกี่ยวขนแมวป่าดีนักแล และน่ากลัวว่าจะเกี่ยวผู้คนที่กำลังข้ามแม่น้ำด้วย
ต๋าวันลง เจ้นจะแผวต๋าฝั่ง
แปล : ตะวันลับฟ้าโน่น ชาติหนึ่งจะถึงฝั่ง
เสริม : ต๋าวัน = ตะวัน
แผว = ถึง
เจ้น = ชาติหนึ่ง, ฉันนั้น (มักใช้เป็นคำประชด เช่น ถ้าจะรอของขวัญจากอ้าย เจ้นจะไคออกดอกปู๊น... = ถ้าจะรอของขวัญจากพี่ ชาติที่ตะไคร้ออกดอกโน่น)
(ดนตรี มงแซะ มงแซะ แซะมง ตะลุ่มตุ้มมง)
เสเลเมา บ่าเด่วป็อกซ๊อก
แปล : เสเลเมา เดี๋ยวนี้จ๋อย
เสริม : ป็อกซ้อก = จ๋อย, หงอย, เศร้าซึม, นั่งซมตัวลีบ
ไปเล่นพ้ายป๊อก ก่อเสตึงลูก ก่อตึงหลาน
แปล : ไปเล่นไพ่ป๊อก ก็เสียทั้งลูก เสียทั้งหลาน
เสริม : พาลูกหลานไปเล่นไพ่ด้วย แล้วก็พากันเล่นเสียทั้งครอบครัว ไม่ได้แปลว่าเสียถึงลูก เสียถึงหลาน เพราะนั่นจะตีความหมายว่าเสียเยอะเกินไป เสียเกินกว่าเนื้อร้องท่อนถัดไป (ซึ่งเนื้อร้องท่อนถัดไปจะต้องเสียเยอะกว่า)
เส = เสีย (สำเนียงเงี้ยวพูดไทยไม่ชัด)
ตึง = ทั้ง, ถึง, ทุก, ยังไงก็
เล่นไปแหมหน้อย ก่อเสตึงปิ่น ก่อเติงลาน
แปล : เล่นไปอีกหน่อย ก็เสียทั้งปิ่นปักผมและต่างหู
เสริม : แหมหน้อย = อีกหน่อย
ลาน, ลานหู = ต่างหู (คำเรียกสมัยโบราณ)
เหนาะเจ้าปี้เหนาะ จักขี่เฮือเหาะขึ้นบนอากาศ
แปล : น้อ...เจ้าพี่น้อ จะขี่เรือเหาะขึ้นบนอากาศ
เสริม : ท่อนนี้เป็นคำประชด น้อ...เจ้าพี่น้อ... (ลากเสียงยาว) หมายถึงว่า สิ่งที่คู่สนทนากระทำอยู่นั้น สำเร็จได้ยาก (ในที่นี้คือ การเล่นไพ่ให้ได้กำไร) แทบอยากจะขี่เรือเหาะขึ้นบนอากาศเพื่อเยาะเย้ย ซึ่งการขี่เรือเหาะก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เทียบเคียงเสมอกัน
*เรือเหาะในที่นี้ มิได้หมายถึงเครื่องบิน เพราะสมัยนั้นยังไม่มี แต่ในวรรณคดีของภาคเหนือ มีเรื่องราวกล่าวขานถึงเรือที่เหาะได้ เป็นพาหนะที่บินได้ชนิดหนึ่ง
(ดนตรี มงแซะ มงแซะ แซะมง ตะลุ่มตุ้มมง)
อะโล โลโล ส้มบะโอ จิน้ำพริก
แปล : อะโลๆๆ ส้มโอจิ้มน้ำพริก
เหน็บดอกปิ๊กซิก มาแป๋งต๋าเหลิก ก่อต๋าแล
แปล : ทัดดอกไม้ (ที่ใบหู) กระจุ๋มกระจิ๋ม มาทำตาเหลือกตาแล
เสริม : ปิ๊กซิก เป็นคำสร้อยขยายสิ่งของที่มีลักษณะเล็กๆ น่ารักๆ
ต๋าเหลิกต๋าแล = ชะม้ายชายตาไปมา (อาการอยากอวด)
ไปตางปู๊น เป๋นปะตู๋ก่อต้าแป
แปล : ไปทางโน้น ก็เป็นประตูท่าแพ
งามนักแก อะโลโลโล แม่ฮ้าง แม่หม้าย
แปล : งามนักหนา อะโลๆๆ แม่ร้าง แม่หม้าย
เสริม : แม่ฮ้าง = ผู้หญิงที่หย่าร้างกับสามี
แม่หม้าย = ผู้หญิงที่สามีตาย
คำว่า “แม่ฮ้าง แม่หม้าย” ที่ต่อท้ายในท่อนเพลง เป็นคำเรียกผู้หญิงเหล่านี้ให้มาดูประตูท่าแพที่สวยงาม มิได้เป็นคำชมว่า “แม่ฮ้าง หรือแม้หม้าย” ที่อยู่บริเวณประตูท่าแพนั้นสวย
(ดนตรี มงแซะ มงแซะ แซะมง ตะลุ่มตุ้มมง)
เขี้ยวล้า สันโถ่ต้มเน้อ ปี้บ่ย้อนเมียงหมาง น้องโล..
แปล : เมื่อยฟัน ก็เพราะว่าถั่วต้มเน้อ พี่ไม่ได้หยอกน้องให้โกรธน้า... (พูดจริง เมื่อยจริง)
เสริม : สัน = ก็เพราะว่า
โถ่ต้ม = ถั่วต้ม
โล, ลอ (คำลงท้ายคำพูด) = นี่นา, นะ, น้า...
ยะล่ะต้มตวยสูปี้เล้า แล...
แปล : ทำไมต้องต้มตัวพี่ตามไปด้วยเล่า แล...
เสริม : ยะล่ะ = (คำศัพท์คนสมัยเก่า) ทำไมล่ะ, ทำไมเล่า, ทำไมต้อง, ทำไมถึงทำอย่างนั้น
สูปี้ = ตัวพี่
* ท่อนเกริ่นนี้ สันนิษฐานว่า อาจจะไปนั่งจีบสาว แล้วสาวเอาถั่วต้มมาให้กิน หรือไม่ก็ไปนั่งจีบสาวแม่ค้าขายถั่วต้ม (น่าจะเป็นอย่างหลังนี้มากกว่า เพราะมีสต็อคถั่วเก็บไว้ในปริมาณมาก) ซึงได้นั่งกินไปเป็นจำนวนมาก จนเมื่อยฟัน เคี้ยวต่อไปไม่ไหว จึงเอื้อนเอ่ยรำพัน (บ่น) ออกมา ทำให้เนื้อเพลงดูขำขัน สนุกสนาน
(ดนตรี มงแซะ มงแซะ แซะมง ตะลุ่มตุ้มมง)
เสเลเมา บ่าเด่วป๋านกว้าง
แปล : เสเลเมา เดี๋ยวนี้กว้างขวาง
ไปเซาะซื้อจ๊าง ก่อได้ปู๊เอกงาขาว
แปล : ไปหาซื้อช้าง ก็ได้ตัวผู้ตัวเอก (เด็ดที่หนึ่ง) งาขาว
เอาไปลากไม้ ตี้เจงแสน ก่อเจงดาว
แปล : เอาไปลากไม้ที่เชียงแสน และเชียงดาว
เสริม : สำเนียงคนเงี้ยว จะออกเสียงคำว่าเชียง เป็น เจง
เหนาะเจ้าปี้เหนาะ ผักกาดเกาะ จิน้ำพริกหนุ่ม ฮิ้วววว...
แปล : น้อ...เจ้าพี่น้อ ผักกาดเกาะ จิ้มน้ำพริกหนุ่ม ฮิ้วววว...(จบ)
เสริม : ผักกาดเกาะ คือ ผักกาดที่ปลูกตามเกาะของแม่น้ำ (ชาวบ้านเรียกตามแหล่งที่ปลูก ปัจจุบันไม่นิยมเรียกแบบนี้กันแล้ว) ฤดูแล้ง..เมื่อน้ำในแม่น้ำลำคลองลดลง จะพอมีที่ดินโผล่เป็นเกาะอยู่กลางน้ำเป็นแห่งๆ ชาวบ้านนิยมไปทำการเพาะปลูกพืชผักสวนครัวที่มีช่วงอายุการเก็บเกี่ยวสั้นๆ เช่น ผักกาด ดอกกะหล่ำ กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว พริก เป็นต้น เพราะเป็นดินทรายที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง
อีเมล์แนะนำติชม : a_sajjathum@yahoo.com
บทสรุปการแปลเพลง
เพลงนี้ใช้ภาษาที่ค่อนข้างเข้าใจยาก แม้แต่คนภาคเหนือเองแท้ๆ ที่ใช้ภาษาเหนือสื่อสารกันอยู่ทุกวัน ก็ยังฟังไม่ค่อยออก ความท้าทายและความยากในการแปลเนื้อเพลงนี้ มีอยู่ 3 ชั้นด้วยกัน คือ
ชั้นที่ 1 เป็นภาษาเหนือโบราณสมัยเก่า ซึ่งบางคำเลิกใช้ไปแล้ว หรือไม่นิยมใช้แล้ว ทำให้คนเหนือรุ่นใหม่ ฟังแล้วไม่เข้าใจ
ชั้นที่ 2 ใช้ภาษากวีในการบรรยายเพื่อให้เกิดความสวยงามทางคีตศิลป์ จึงมีการใช้คำเลี่ยง คำเปรียบเปรย หรือคำกล่าวอ้อมๆ ไม่ได้บอกกริยาที่กระทำโดยตรง เช่น เปิ๊กเซิ๊ก ซึ่งไม่ได้บอกว่า เปียกเปิ๊กเซิ๊ก (ให้ตีความเอง), หรือ ป๊อกซ๊อก ซึ่งไม่ได้บอกว่า นั่งเหงาป๊อกซ๊อก เป็นต้น
ชั้นที่ 3 มีภาษาเงี้ยวและคำพูดภาษาไทยไม่ชัดของชาวเงี้ยว ปะปนอยู่ ต้องอาศัยประสบการณ์ หรือชาวไทใหญ่ ช่วยฟังช่วยแปลให้
เพลงเสเลเมา - จรัล มโนเพ็ชร - สุนทรีย์ เวชานนท์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น